วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เครื่องต้นแบบ iPhone 5 ที่บอกกันว่า นี่คือของจริง!



ถ้านี่คือเครื่องต้นแบบ iPhone 5 ของจริง บทสรุปที่เราเฝ้ารอคอยคงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน เพราะคงเห็นได้จากจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น ความบางของตัวเครื่องที่บางลง วัสดุตัวเครื่องที่ดูแน่นหนามากขึ้น

แต่ถึงกระนั้นความสงสัยก็ยังคงมีอยู่ เหตุใด Apple จึงรังสรรค์ให้ iPhone 5 มีปุ่มในรูปทรงที่ไม่คุ้นเคย แลดูแปลกตา หรือจะทำมาเพื่อรองรับฟังก์ชั่นบางอย่างใน iOS5 แล้วความจริงจะเป็นเช่นไร ติดตามได้วันที่ 4 ตุลาคมนี้ แน่นอน!

คุณสมบัติเด่นของ MCUs ตัวใหม่ เปิดโลกของการใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์



คุณสมบัติเด่นของ MCUs ตัวใหม่ เปิดโลกของการใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่ไม่ควรพลาดConfigurable Logic Cells, ตัวสร้างสัญญาณชดเชย และตัวสร้างความถี่ Numerically Controlled Oscillator

ไมโครชิพ เทคโนโลยี, อิงค์ บริษัทชั้นนำผู้นำเสนอไมโครคอนโทรลเลอร์ อะนาล็อก และแฟลช-ไอพีโซลูชั่น เปิดตัว 8-bit PIC? microcontrollers (MCUs) ในงานEmbedded Systems Conference ที่เมืองบอสตัน โดย MCUs ใหม่นี้โดดเด่นด้วยความสามารถในการตั้งค่าคอนฟิกูเรชั่นของลอจิก (configurable logic) และการควบรวมชิ้นส่วนอุปกรณ์ระดับสูงในแพกเกจ 6- to 20-pin ทั้งนี้ PIC10F(LF)32X และ PIC1XF(LF)150X MCUs มาพร้อมส่วนประกอบใหม่ อาทิ Configurable Logic Cells (CLCs), Complementary Waveform Generators (CWGs) และ Numerically Controlled Oscillators (NCOs) ซึ่งช่วยเสริมฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ ที่ไม่สามารถทำได้มาก่อนหน้านี้หากใช้ low pincount MCUs ดังนั้น MCUs สำหรับงานทั่วไปตัวนี้ จึงเพิ่มโอกาสให้นักออกแบบผลิตภัณฑ์คิดค้นฟังก์ชั่นใหม่ลงในโปรดักส์ของตน ได้มากขึ้น ลดขนาดผลิตภัณฑ์ และที่สำคัญลดค่าใช้จ่าย รวมไปถึงลดอัตราการใช้พลังงานของโปรดักส์เมื่อมาติดตั้งอยู่ในเครื่องใช้ ไฟฟ้าต่าง (อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กในครัว); ยานยนต์ (อาทิ ไฟติดตั้งภายในเก๋ง); คอนซูมเมอร์ (อาทิ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน); และ ตลาดอุตสาหกรรม (อาทิ มาตรวัดสาธารณูปโภค) เป็นต้น

SWYP เครื่องพิมพ์+จอสัมผัส น่าใช้สุดๆ

หลังจากติดตามข่าวสารเทคโนโลยีไฮเทคฯสุดขั้วกันไปแล้ว มาดูเรื่องราวของแก็ดเจ็ต (Gadget) ล้ำๆ ที่น่าสนใจกันบ้างดีกว่า ก่อนหน้านี้่ทางเว็บไซต์ arip ได้เคยแนะนำเครื่องพิมพ์ 3D ที่สามารถสร้างผลงานในรูปแบบวัตถุรูปทรงต่างกันไปแล้ว แต่สำหรับไอเดียพรินเตอร์ของ Artefact ที่ใช้คอนเซปต์ว่า "See What You Print" (ให้คุณได้เห็นในสิ่งที่ต้องการพิมพ์) จะทำให้คุณต้องทึ่ง และสงสัยว่า ทำไม่มันถึงยังไม่มีให้เห็นในปัจจุบัน



แทนที่คุณจะต้องเตรียมไฟล์ภาพถ่ายต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะส่งต่อไปให้กับเครื่องพิมพ์ SWYP (See What You Print) ของ Artefact จะแสดงงานพิมพ์ขนาดเท่าของจริงบนหน้าจอสัมผัสให้คุณได้เห็นก่อนสั่งพิมพ์ออก มา และด้วยการทำงานที่ใช้หน้าจอสัมผัสทำให้คุณสามารถจัดเรียงภาพในลักษณะ เลย์เอาต์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนปรับแต่งความสวยงามก่อนที่จะสั่งพิมพ์ออกมาที่ด้าน หน้าของตัวเครื่อง (ลูกเล่นที่เจ๋งมากๆ คือ การแสดงภาพบนหน้าจอสัมผัสที่ไหลต่อเนื่องลงมาพร้อมๆ กับภาพที่พิมพ์ออกมาด้านหน้า)


และด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่เท่ากับ A4 แทนที่จะเป็นช่องมองเห็นภาพเล็กๆ ยังทำให้ผู้ใช้สนุกไปกับการตกแต่งภาพที่สะดวกสบายบนเครื่องพิมพ์ SWYP อีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้ว คุณผู้อ่านของเว็บไซต์ arip รู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ มันน่าใช้กว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ตแบบเดิมๆ หรือเปล่า? น่าเสียเดายที่มันยังเป็นแค่คอนเซปต์อยู่นะครับ แต่หากจะพัฒนาไอเดียนี้ขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์จริงๆ ดูก็น่าจะไม่ยากเกินไปนัก (แท็บเล็ต+อิงค์เจ็ต+แอพฯ)

Windows 7 เร็วกว่า Vista แม้ตอนบู๊ต


รายงานข่าวที่ทำให้หลายคนประหลาดใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นก็คือ การที่ Iolo Technologies บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทูลส์ปรับแต่งการทำงานของพีซีออกมาเปิดเผยว่า Windows 7 ใช้เวลาในการบู๊ตเครื่องนานกว่า Windows Vista โดยใช้หลักเกณฑ์ในการวัดว่า สิ้นสุดการบู๊ตเมื่อซีพียูเข้าสู่ Idle state หรือสภาวะ"ว่าง"จากการทำงาน (ไม่มีการเรียกให้ประมวลผลใดๆ อีก)

Windows 7 เร็วกว่า Vista แม้ตอนบู๊ต
รายงาน ข่าวที่ทำให้หลายคนประหลาดใจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั่นก็คือ การที่ Iolo Technologies บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทูลส์ปรับแต่งการทำงานของพีซีออกมาเปิดเผยว่า Windows 7 ใช้เวลาในการบู๊ตเครื่องนานกว่า Windows Vista โดยใช้หลักเกณฑ์ในการวัดว่า สิ้นสุดการบู๊ตเมื่อซีพียูเข้าสู่ Idle state หรือสภาวะ"ว่าง"จากการทำงาน (ไม่มีการเรียกให้ประมวลผลใดๆ อีก)
ผู้ ใช้วินโดวส์ทีมีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะทราบดีว่า การสิ้นสุดการบู๊ตของระบบปฏิบัติการไมได้จบที่ "Idle state" เพราะมันไม่ใช่ DOS (Disk Operating System) ระบบปฏิบัติการที่ทำทีละงาน (single task) ซึ่ง Iolo ใช้วิธีจับเวลาเมื่อซีพียูพร้อมทำงานเต็มที่ หรือ"ว่าง"โดยสมบูรณ์ ซึ่งการวัดด้วยวิธีนี้สำหรับระบบปฏิบัติการที่ทำหลายงานพรอ้มกัน (multi-tasking) มันดูจะเป็นวิธีที่คลุมเครือ

ประเด็นของการบู๊ต เร็วมี่ความหมายต่อผู้ใช้พีซีตรงที่มันสร้างความรู้สึกให้กับผู้ใช้ว่า พีซีของพวกเขาเร็วขึ้น (แค่ตอนบู๊ต?) และนั่นน่าจะหมายถึง มันดีขึ้นด้วย จนผู้ใช้หลายคนลืมเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือ "ความปลอดภัย" ของระบบ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาตลอดเวลาว่า ผลการทดสอบ Windows Vista มีความปลอดภัยมากกว่า Windows XP แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่กลับรู้สึกว่า มันไม่ปลอดภัย แถมยังช้า และเสถียรน้อยกว่า Windows XP อีกด้วย...ว่าเข้าไปนั่น :p

หลังจากที่ มีข่าวดังกล่าวออกมา เว็บไซต์อย่าง Betanews ได้ทำการทดลองวัดความเร็วเฉลี่ยที่ได้จากการบู๊ตคนละ 5 ครั้งบนพีซีที่รัน Windows 7 และ Vista โดยสเป็กเครื่องที่ใช้เป็น Intel Core 2 Quad Q6600 เมนบอร์ด Gigabyte GA-965P-DS3 การ์ดกราฟิก Nvidia 8600 GTS หน่วยความจำ DDR2 3GB ฮาร์ดดิสก์ Seagate Barracuda 7200.11 ความจุ 650GB การวัดเริ่มต้นที่การกดปุ่ม Enter เลือกระบบปฏิบัติการที่ต้องการจะบู๊ตตรงหน้าจอ multi-boot จนถึงหน้าจอ Login จะปรากฎ ผลลัพธ์ที่ได้คือ เวลาเฉลี่ยของการบู๊ต Windows 7 อยู่ที่ 24.214 วินาที ส่วน Vista อยู่ที่ 36.262 วินาที ซึ่งกลายเป็นว่า Vista บู๊ตช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด ประเด็นการวัดที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องของ Idle State ของซีพียู มันยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การบู๊ตเร็ว หรือช้าด้วย อย่างเช่น ไดรเว่อร์ที่ใช้ ตลอดจนแอพพลิเคชันที่ต้องถูกเรียกทำงานตอนเริ่มต้น

นอกจากผลการทดสอบ ข้างต้นแล้ว เว็บไซต์อย่าง ChannelWeb ก็ได้ลองพิสูจน์บางอย่าง นั่นก็คือ ติดตั้งซอฟต์แวร์ System Mechanic (ของ Iolo Technologies) บน Windows 7 แล้วลองบู๊ตเครื่องให้ทำงาน ปรากฎว่า มันช้ากว่าเครื่่องที่ไม่ได้ติดตั้งอย่างชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้นี้ มันจึงดูเหมือนว่า Iolo มีใจเอนเอียงไปทาง Vista มากกว่า หรือเปล่า? การวัดจึงต้องใช้วิธีดังกล่าว เพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ ซึ่งก็เป็นประเด็นที่หลายฝ่ายสงสัยอยู่เหมือนกัน แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เทคโนโลยีการจำลองการออกแบบถนนเสมือนจริง (Virtual Road Design)



บัดนี้ขบวนการออกแบบก่อสร้างถนนได้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว เนื่องจากมีผู้ค้นคิดนวัตกรรมการออกแบบถนนเสมือนจริง (Virtual Design) ทำให้ขบวนการออกแบบก่อสร้างได้ร่นระยะเวลาการทำงานลงมาได้มาก และสามารถศึกษาผลกระทบจากการออกแบบก่อสร้างถนนได้ก่อน และจัดของบประมาณในการก่อสร้างได้ครั้งเดียว จากรูปแบบการทำงานแบบเดิมที่เริ่มจากหัวมาท้ายจากท้ายย้อนกลับมาที่เริ่มต้น ทำงานกันหลายๆรอบ

การออกแบบถนนแบบ เสมือนจริงนี้เป็นการนำเอา GIS หรือแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศมาลงในโปรแกรม UC win/Road แล้วออกแบบถนนใน template ว่าถนนที่ต้องการออกแบบก่อสร้างมีกี่เลน มีขอบทางเท่าไร และมีป้ายจราจรเป็นอย่างไร หากนำไฟล์ Terrain ที่มีระดับของพื้นดินเดิมด้วยแล้ว ก็จะทำให้สามารถออกแบบรูปตัดตามยาว และ รูปตัดขวางของถนนได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถกำหนดความเร็วจำกัดของรถยนต์ ทำให้ได้การออกแบบถนนทางโค้ง (Super Elevation) ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยวิศวกรโยธานั้นสามารถที่จะใส่รายละเอียดต่างๆให้เสมือนจริงมายิ่งขึ้น เช่น ต้นไม้ข้างทาง ป้ายจราจร ทางขึ้นลงทางด่วน ตึกรามบ้านช่อง เป็นต้น

สำหรับเครื่องทดสอบขับขี่รถยนต์เสมือนจริงนี้มีหลายประเภท ตั้งแต่ระดับเล่นเป็นเกมส์แข่งรถยนต์ ไปจนถึงการทดสอบขับขี่รถยนต์ในระดับโรงงานผู้ผลิตรถยนต์เลือกใช้ ซึ่งมีแกน 6 แกน เพื่อให้มีความเสมือนจริงกับการขับขี่รถยนต์มากยิ่งขึ้น สำหรับที่แนะนำนี้ผลิตจากบริษัท Forum 8 Co.,Ltd. กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และนิยมใช้กันมากที่สุดในประเทศ ทั้งวิศวกรโยธา และ บริษัทผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกเลือกใช้ เช่น TOYOTA เป็นต้น

อ้างอิง http://www.thaicontractors.com/content/cmenu/1/106/471.html



เทคโนโลยีเพื่อการออกแบบนิเทศศิลป์


สุดยอด
เน็ตบุ๊ก-แท็บเล็ต"สองจอ" กองบรรณาธิการเว็บไซต์ arip ยังคงเกาะติดเทคโนโลยีเด็ดๆ ในงาน CEATEC อย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่คุณผู้อ่านหลายท่านได้ตื่นตะลึงกับ Spacebook โน้ตบุ๊กสองจอของ gScreen ไปแล้ว ล่าสุดในงานนี้ Kohjinsha ได้นำต้นแบบเน็ตบุ๊กรุ่นใหม่มาโชว์ โดยจุดเด่นของมันก็คือมี"สองจอ"ด้วยเหมือนกัน อะไรจะไฮโซฯขนาดนั้น

บูธ Kohjinsha ใน งาน CEATEC ได้สร้างความฮือฮาให้กับผู้ชมไม่น้อยด้วยการแสดงต้นแบบ"เน็ตบุ๊ก"ไฮโซฯที่มา พร้อม กับหน้าจอ LCD ขนาด 10.1 นิ้ว (ความละเอียด 1024 x 600 หรือ 1366 x 768) ถึง 2 จอด้วยกัน โดยสามารถเลื่อนทับกันได้สนิท ในกรณีที่ต้องการใช้งานแค่จอเดียว แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่แค่เน็ตบุ๊กที่มีสองจอเท่านั้นนะครับ เพราะจากในรูปสังเกตได้ว่า บริเวณด้านล่างของจอกับคีย์บอร์ดจะมีกลไกที่ทำให้สามารถหมุนจอได้เพื่อใช้ งานเป็น"แท็บเล็ต"ได้อีกด้วย

อ้าวอิง http://hitech.sanook.com/technology/news_13445.php